หลายวันต่อมา ข่าวการหมั้นหมายระหว่างศศิจันทร์กับวิศรุตถูกประโคมกระจายไปทั่วทุกสำนักข่าว ไม่มีใครไม่พูดถึงความสัมพันธ์อันน่าตกตะลึงนี้ ขนาดบิดาของศศิจันทร์เองยังไม่เข้าใจในการกระทำของภรรยา ที่ดึงลูกสาวเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“ผมไม่เข้าใจคุณเลยรังรอง ทำไมถึงต้องให้ลูกสาวเราเปื้อนราคีด้วย คุณก็รู้ว่ามันเป็นคู่แข่งเรา และผมไม่อยากไปเกี่ยวดองอะไรกับคนพวกนั้น" เขาพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง พลางหันหน้าไปหาภรรยา รังรองหันหน้ามาทำคอแข็งใส่สามีอย่างไม่พอใจ
“คุณอยู่เฉย ๆ เถอะค่ะคุณวิชัย เรื่องนี้ใช่ว่าฉันจะชื่นชอบหรอกนะ แต่ลูกสาวเราเสียหายไปแล้วทุกคนรู้ทุกคนเห็น หากว่าฉันไม่เอาพยายามเอาสื่อไปด้วยคิดว่าคนอย่างวิศรุตจะยอมรับเหรอคะ ฉันปกป้องลูกสาวแบบนี้ ยังไม่ดีอีกเหรอไง?”
“ปกป้องเหรอ?” วิชัยสวนกลับทันที “คุณกำลังประจานลูกตัวเองอยู่ต่างหาก! เล่นไปนอนแผ่หลาให้ผู้ชายทำสิ่งที่ไม่ควรอย่างนี้ได้อย่างไร ผมถามจริง ๆ เถอะ ในตอนนั้นคุณเอาสติสตังไปไว้ที่ไหนกัน”
เขายังต่อว่าภรรยาไม่หยุด ทั้งที่โดยปกติแล้วแทบไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของผู้หญิงในบ้าน โดยเฉพาะรังรองและลูกสาวคนเล็ก อาจเพราะในใจลึก ๆ เขารู้สึกผิด...ผิดที่เคยเลี้ยงดูพวกเธอแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาหลายปี
รังรองเพื่อนเก่าที่กลายมาเป็นภรรยา หญิงสาวที่เคยยื่นมือช่วยเขาในวันที่ธุรกิจล้มละลาย
ช่วงนั้นเขามืดแปดด้านเพราะพลอยใส ภรรยาเก่าของเขามีโรคหัวใจ เขากลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้พลอยใสเครียดไปด้วย เขาเลยไม่เคยพูดให้เธอฟัง แต่เลือกที่จะไประบายให้รังรองฟัง และครั้งนั้นเธอก็เอาเงินก้อนใหญ่ของเธอช่วยให้เขากลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง แต่ใครจะคิดว่างานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ วันนั้น จะทำให้เขาเผลอถลำลึก จนจบลงที่การตั้งครรภ์ของเธอ
เขาเองก็รักพลอยใสมากเธอเป็นรักแรกและรักเดียวและเธอเพิ่งมีลูกสาวให้เขา รังรองในตอนนั้นก็ดูเข้าใจดี และบอกว่าเธอจะขออยู่ในที่เงียบ ๆ ในที่ของเธอจนในที่สุดภรรยาของเขาก็เสียไปเขาถึงได้รับเธอเข้ามาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ถึงแม้จะมีข่าวเรื่องข่าวซุกเมียน้อยเอาไว้แต่ตอนนั้นเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไรนัก เพราะสุดท้ายแล้วมันก็คือเรื่องจริงที่เขาแอบซ่อนเอาไว้ และยังรู้สึกผิดกับพลอยใสจนถึงตอนนี้
เพราะความช่วยเหลือในครั้งต่างทำให้เขาเหมือนคนที่น้ำท่วมปาก จะตำหนิก็ไม่ได้ จะทำตามใจภรรยาทุกอย่างก็ใช่ที่
“ฉันมีสติดีพอค่ะ ฉันทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อลูกและเพื่อครอบครัวเรา คุณอย่าบอกนะคะว่าตอนนี้กิจการของเรายังไหวอยู่ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินมากพอจะมาคอยพยุงบริษัทคุณอีกแล้วนะ!”
คำพูดนั้นทำเอาวิชัยหลบตา ไม่กล้าสบสายตาภรรยา ตอนนี้บริษัทของเขากำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก หุ้นส่วนหลายรายเริ่มทยอยถอนตัวตอนนี้เขาเองก็กำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่ว่าเรื่องนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกสาวคนเล็กจะไปแต่งงานกับลูกชายบริษัทคู่แข่งยกเว้นแต่ว่า
“นี่อย่าบอกนะ ว่าคุณอยากจะเข้าไปเป็นดองนับญาติกับทางฝ่ายนั้น เพราะหวังจะควบรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน?” เขาพูดเสียงเข้ม ดวงตาเริ่มฉายแววไม่พอใจ “ถ้าคิดจะทำแบบนั้นผมไม่ยอมเด็ดขาด!!”
จากที่เพิ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสงบ กลับต้องหัวเสียเพราะข่าวไม่เข้าหู และยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่ เมื่อรู้ว่าต้นเรื่องทั้งหมดมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ผมรู้หมดแล้วว่าคุณเป็นคนอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง จำไว้นะ ผมไม่ชอบวิธีของคุณเลย!!”
“แล้วไงคะ? คุณจะทำอะไรได้ล่ะ อย่ามาขัดขวางฉันกับลูกเลยจะดีกว่า” รังรองเชิดหน้าพูดเสียงหยัน “คุณก็รู้ว่าศศิไม่มีวันยอม ถ้าไม่ได้แต่งกับวิศรุต อีกอย่างนะ ลูกสาวคุณก็ใช่ว่าจะเรียบร้อยอะไรนัก รู้ทั้งรู้ว่าน้องชอบผู้ชายคนนี้อยู่ ก็ยังหน้าด้านเข้าไปพัวพันไม่เลิก
"บอกลูกสาวของคุณนะ เลิกแย่งของของน้องสักที"
เมื่อได้ยินสิ่งที่รังรองพูด วิชัยส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขาเดินออกไปหลังจากนั้นเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับภรรยาอีก เขารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ควรเลยจริง ๆ นานมาแล้วที่เขากระทำไม่ยุติธรรมกับลูกสาวคนโตเลย
นับตั้งแต่วันที่ภรรยาเก่าเสียชีวิต เขาก็พาสองแม่ลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกติดค้าง และอยากชดเชยสิ่งที่เคยได้รับจากรังรองในวันที่เขาตกต่ำ เงินก้อนโตของเธอช่วยให้เขาฟื้นบริษัทขึ้นมาได้ และจากความใกล้ชิดก็บานปลายจนเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิด
เขามอบอำนาจทุกอย่างให้เธอแทนภรรยาเก่าที่จากไป รวมถึงปล่อยให้เธอเป็นผู้เลี้ยงดูแพรพรรณ ลูกสาวคนโตของเขาด้วย ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของเขาเอง
หากในตอนนั้นเขาไม่ได้เผชิญกับปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวจากธุรกิจที่กำลังจะวิกฤต เขาก็คงไม่มีวันยอมให้เธอก้าวเข้ามาในชีวิต และยิ่งกว่านั้น คงไม่ปล่อยให้ความใกล้ชิดพาไปสู่ความสัมพันธ์ที่ผิดบาป
ครั้งนี้ก็คลับคล้ายคลับคลากับครั้งก่อนที่เขาอยากประคองบริษัทเอาไว้เพราะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน บริษัทของเขากำลังจะล้มละลายหากหุ้นส่วนยังพากันถอนตัว รังรองจึงคิดหาแผนการเพื่อรวมธุรกิจเข้ากับบริษัทที่กำลังเจริญรุ่งเรืองของวิศรุต แม้ว่าในอดีตพวกเขาทั้งสองจะเป็นศัตรูกันก็ตาม
...
ทางด้านชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นข่าวกลับดื่มเหล้าเมามายอยู่ในผับของเพื่อนรัก ไม่ใช่เพราะข่าวลือที่ทุกคนกระพือกันให้เขาแต่งงานกับศศิจันทร์ แต่เป็นเพราะแพรพรรณหายไปอีกแล้ว เธอปิดช่องทางการสื่อสารทุกช่องทาง ไม่สามารถติดต่อได้แค่นี้ก็รู้ว่าเธอจงใจหนีหน้าเขา
“นี่คืนที่สองและนะมึง ไอ้ห่า...แดกเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า? เมาทีไรก็คลานเหมือนหมาเดือดร้อนกูทุกที”
ธีรวุฒิเอ่ยถามขณะที่ตัวเองก็ซดมาร์ตินี่เพียว ๆ เข้าไปเหมือนกัน รสขมปร่าในแอลกอฮอล์ทำให้เขาสะบัดหน้าทำเสียงจิ๊ในลำคอ
"ฮ่า...ขมคอชะมัด แล้วกูถามจริง ๆ เหอะ กับยัยศศินั่นน่ะ มึงไม่วอกแวกเลยเรอะ?" เมื่อเหล้าเข้าปาก แอลอฮอล์ที่ไหลเวียนในเส้นเลือดก็ทำเอาธีรวุติพูดเยอะขึ้นมา
"หึ! ไม่มีทาง ถ้าเปรียบกันได้ระหว่างสองพี่น้อง แพรก็เหมือนลูกพีชที่ทั้งหอมหวาน เย้ายวนจนอยากกินไม่มีวันเบื่อ ส่วนยัยน้องสาวเหมือนมะนาวหรือไม่ก็อะไรที่ขม ๆ เปรี้ยว ๆ แค่คิดจะกินก็ขยะแขยงแล้ว ถ้าเลือกได้กูคงเลือกไม่แดกไปตลอดชีวิตนั่นแหละ"
วิศรุตที่เมานำไปก่อนแล้ว อธิบายราวกับว่าเคยลิ้มลองเคี้ยวมะนาวทั้งลูก ที่มีรสฝาดจากเปลือก เปรี้ยวจากส่วนเนื้อ และขมที่สุดจากเมล็ดของมัน อธิบายซะเห็นภาพ
“มึงเคยกินมาแล้วเหรอไง? ถ้าใช่นี่มันพระยาเทครัวชัด ๆ ฮ่า ๆ!” ธีรวุฒิที่ได้ฟังคำเปรียบเทียบก็หัวเราะร่วน แต่เพื่อนรักส่ายหน้าเบา ๆ
“สัส ใช่ซะที่ไหนล่ะ กูแค่พูดให้เห็นภาพเฉย ๆ กูไม่เคยแตะใครนอกจากลูกพีชของกูเท่านั้น”
“หึ! เออ ผลตรวจออกมาแล้วนะ หลักฐานแน่นปึ้ก”
“ขอบใจว่ะ”
“เอาน่า...ยังไงกูกับมึงก็เพื่อนกันมาตั้งกี่ปี เพื่อนลำบากทั้งที กูก็ต้องช่วยอยู่แล้วป่ะ”
ธีรวุฒิตบบ่าเพื่อนเบา ๆ ด้วยสีหน้าจริงใจ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“แล้วยังติดต่อแพรไม่ได้อีกเหรอวะ?”